มองเวียดนามเพื่อก้าวต่อไปของเกษตรกรไทย
จากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาตลอดหลายปี ทำให้เส้นแบ่งในแต่ละอุตสาหกรรมค่อยๆ เลือนรางลง ทำให้เริ่มมองเห็นได้ว่า ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีด้านการเกษตรจะเติบโตเข้าไปได้กับกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ (Tech-Startup) มากขึ้น
ทำให้เกิดเป็นวิทยาการสายใหม่ที่เรียกว่า Agri-Tech (Agricultural Technology) เต็มรูปแบบ เช่น หากนำระบบตรวจสอบอุณหภูมิ เข้ามาทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบความชื้นในอากาศและในดิน ประกอบกับระบบการให้น้ำอัตโนมัติ เกษตรกรก็จะสามารถควบคุมระดับความชื้นในพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น หรือหากนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาร่วมด้วย ก็จะสามารถทำให้เกษตรกรควบคุมดูแลพื้นที่เพาะปลูกได้จากพื้นที่ห่างไกลผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะทำให้มีผลผลิตสูงขึ้น มีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพดีขึ้น
การทำฟาร์มอัจฉริยะเป็นเรื่องของความแม่นยำเพื่อนำไปสู่การเพาะปลูกพืชที่เข้ากับพื้นที่บริเวณนั้น ผ่านการตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้อง โดยช่วยลดต้นทุนกระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ สร้างมาตรฐานการผลิต ควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ผลผลิตจึงได้ราคาสูงกว่าฟาร์มทั่วไป
Smart Farm คือคำตอบของการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และยังช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญของผลิตผลเกษตรของโลกต่อไป
โลกกำลังเข้าสู่อาหารยุคดิจิทัล
ปัจจุบันการทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) เป็นที่นิยมกันมากในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ยุโรป รวมถึงในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอินเดีย ขณะเดียวกันยังเน้นการผสมผสานกับการเกษตรแบบวิศวกรรมเปลี่ยนแปลง (Geo Engineering) ที่จะนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วย เช่น การเปลี่ยนให้พื้นดินที่ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้อย่างทะเลทรายให้เป็นแหล่งผลิตอาหาร บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเกษตรและอาหารมากขึ้น และต่อไปโลกจะเข้าสู่อาหารยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคเป็นผู้ผลิตอาหารเองโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย
แหล่งอ้างอิง : สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย, สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/hanoi-model-smart-farm